ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพุทธินิยม ( Cognitivism)
สยุมพร ศรีมุงคุณ.(2555) ได้รวบรวมแล้วกล่าวถึงทฤษฎีนี้ว่า ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพุทธินิยม ( Cognitivism) เน้นกระบวนการทางปัญญาหรือความคิด ซึ่งเป็นกระบวนการภายในของสมอง
นักคิดกลุ่มนี้มีความเชื่อว่าการเรียนรู้ของมนุษย์ไม่ใช่เรื่องของพฤติกรรมที่เกิดจากกระบวนการตอบสนองต่อสิ่งเร้าเพียงเท่านั้น
การเรียนรู้ของมนุษย์มีความซับซ้อนยิ่งไปกว่านั้น
การเรียนรู้เป็นกระบวนการทางความคิดที่เกิดจากการสะสมข้อมูล
การสร้างความหมายและความสัมพันธ์ของข้อมูลและการดึงข้อมูลออกมาใช้ในการกระทำและการแก้ปัญหาต่างๆ
การเรียนรู้เป็นกระบวนการทางสติปัญญาของมนุษย์ในการที่จะสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ตนเอง ทฤษฏีในกลุ่มนี้ที่สำคัญๆ มี 5 ทฤษฏี
คือ
1. ทฤษฎีเกสตัลท์(Gestalt
Theory) แนวความคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของทฤษฏีนี้
คือ การเรียนรู้เป็นกระบวนการทางความคิดซึ่งเป็นกระบวนการภายในตัวมนุษย์
บุคคลจะเรียนรู้จากสิ่งเร้าที่เป็นส่วนรวมได้ดีกว่าส่วนย่อย
หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้จะเน้นกระบวนการคิด การสอนโดยเสนอภาพรวมก่อนการเสนอส่วนย่อย
ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีประสบการณ์มากและหลากหลายซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนสามรถคิดแก้ปัญหา คิดริเริ่มและเกิดการเรียนรู้แบบหยั่งเห็นได้
2. ทฤษฎีสนาม
(Field
Theory) แนวความคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของทฤษฏีนี้
คือ
การเรียนรู้เกิดขึ้นเมื่อบุคคลมีแรงจูงใจหรือแรงขับที่จะกระทำให้ไปสู่จุดหมายปลายทางที่ตนต้องการ หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้เน้นการเข้าไปอยู่ใน
“โลก” ของผู้เรียน
การสร้างแรงจูงใจหรือแรงขับโดยการจัดสิ่งแวดล้อมทั้งทางกายภาพและจิตวิทยาให้ดึงดูดความสนใจและสนองความต้องการของผู้เรียนเป็นสิ่งจำเป็นในการช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้
3. ทฤษฎีเครื่องหมาย
(Sign
Theory) ของทอลแมน ( Tolman) แนวความคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของทฤษฏีนี้คือ
การเรียนรู้เกิดจากการใช้เครื่องหมายเป็นตัวชี้ทางให้แสดงพฤติกรรมไปสู่จุดหมายปลายทาง
หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้เน้นการสร้างแรงขับและหรือแรงจูงใจให้ผู้เรียนบรรลุจุดมุ่งหมายใดๆ โดยใช้เครื่องหมาย สัญลักษณ์หรือสิ่งอื่นๆ
ที่เป็นเครื่องชี้ทางควบคู่ไปด้วย
4. ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญา(Intellectual
Development Theory) นักคิดคนสำคัญของทฤษฏีนี้มีอยู่ 2 ท่าน
ได้แก่ เพียเจต์(Piaget) และบรุนเนอร์(Bruner) แนวความคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของทฤษฏีนี้เน้นเรื่องพัฒนาการทางสติปัญญญาของบุคคลที่เป็นไปตามวัยและเชื่อว่ามนุษย์เลือกที่จะรับรู้สิ่งที่ตนเองสนใจและการเรียนรู้เกิดจากระบวนการการค้นพบด้วยตนเอง หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้ คือ
คำนึงถึงพัฒนาการทางสติปัญญาของผู้เรียนและจัดประสบการณ์ให้ผู้เรียนอย่างเหมาะสมกับพัฒนาการนั้น
ให้ผู้เรียนได้มีประสบการณ์และมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมมากๆ ควรเด็กได้ค้นพบการเรียนรู้ด้วยตนเอง
ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้คิดอย่างอิสระและสอนการคิดแบบรวบยอดเพื่อช่วยส่งงเสริมความคิดสร้างสรรค์ของผุ้เรียน
5. ทฤษฏีการเรียนรู้อย่างมีความหมาย(A
Theory of Meaningful Verbal Learning) ของออซูเบล(Ausubel) เชื่อว่า
การเรียนรู้จะมีความหมายแก่ผู้เรียน
หากการเรียนรู้นั้นสามารถเชื่อมโยงกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่รู้มาก่อน หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้ คือ
มีการนำเสนอความคิดรวบยอดหรือกรอบมโนทัศน์
หรือกรอบแนวคิดในเรื่องใดเรื่องหนึ่งแก่ผู้เรียนก่อนการสอนเนื้อหาสาระนั้นๆ
จะช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนเนื้อหาสาระนั้นอย่างมีความหมาย
บริหารการศึกษา
กลุ่มดอนทอง52.(2553) ได้รวบรวมแล้วกล่าวถึงทฤษฎีนี้ว่า
กลุ่มพุทธนิยม หรือกลุ่มความรู้ ความเข้าใจ
หรือกลุ่มที่เน้นกระบวนทางปัญญาหรือความคิด โดยเชื่อว่าการเรียนรู้เป็นกระบวนการทางสติปัญญาของมนุษย์
ในการที่จะสร้างความรู้ ความเข้าใจให้แต่ตนเอง มีทฤษฎีที่สำคัญ ๆ 5 ทฤษฎี คือ
1. ทฤษฎีเกสตัลท์ (Gestalt Theory)
1.1) การเรียนรู้เป็นกระบวนการทางความคิดซึ่งเป็นกระบวนการภายในตัวมนุษย์
1.2) บุคคลจะเรียนจากสิ่งเร้าที่เป็นส่วนรวมได้ดีกว่าส่วนย่อย
1.3) การเรียนรู้เกิดขึ้นได้ 2
ลักษณะ คือ
-
การรับรู้ (perception)
-
การหยั่งเห็น
1.4) กฎการจัดระเบียบการรับรู้ (perception)
-
กฎการรับรู้ส่วนรวมและส่วนย่อย (Law of Pragnanz)
-
กฎความคล้ายคลึง (Law of Simslarity)
-
กฎแห่งความใกล้เคียง (Law of Proximity)
-
กฎแห่งความสมบูรณ์ (Law of Closure)
-
กฎแห่งความต่อเนื่อง
-
บุคคลมักมีความคงที่ในความหมายของสิ่งที่รับรู้ตามความเป็นจริง
-
การรับรู้ของบุคคลอาจผิดพลาด บิดเบือนไปจากความเป็นจริงได้
1.5) การเรียนรู้แบบหยั่งเห็น (insight) ของโคห์เลอร์ ได้สังเกตการณ์เรียนรู้ของลิงในการทดลองพบว่า
ปัจจัยสำคัญคือประสบการณ์
2. ทฤษฎีภาคสนาม (Field Theory) ของ เคิร์ท เลวิน
2.1)
พฤติกรรมของคนมีพลังและทิศทาง
2.2)
การเรียนรู้เกิดขึ้นเมื่อบุคคลมีแรงจูงใจหรือแรงขับที่จะกระทำไปสู่จุดหมายปลายทางที่ตนต้องการ
3. ทฤษฎีเครื่องหมาย (Sig Theory) ของทอลแมน
3.1)
ในการเรียนรู้ต่าง ๆ ผู้เรียนมีการคาดหมายรางวัล
3.2)
ขณะที่ผู้เรียนพยายามจะไปให้ถึงจุดหมายปลายทางที่ต้องการ
3.3)
ผู้เรียนมีความสามารถที่จะปรับการเรียนรู้ของตนไปตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป
3.4)
การเรียนรู้ที่เกิดขึ้นในบุคคลใดบุคคลหนึ่งนั้น
บางครั้งจะไม่แสดงออกในทันที อาจจะแฝงอยู่ในตัวผู้เรียน
4. ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญา (Intellectual Development Theory)
4.1 ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของเพียเจต์
4.1.1)
พัฒนาการทางสติปัญญาของบุคคลเป็นไปตามวัยต่าง ๆ เป็นลำดับขั้นตอน
ดังนี้
-
ขั้นรับรู้ด้วยประสาทสัมผัส อายุ 0-2 ปี
-
ขั้นก่อนปฏิบัติการคิด ช่วงอายุ 2-7 ปี
-
ขั้นการคิดแบบรูปธรรม ช่วงอายุ 7-11 ปี
4.1.2)
ภาษาและกระบวนการคิดของเด็กแตกต่างจากผู้ใหญ่
4.1.3)
กระบวนการทางสติปัญญา
-
การซึมซับหรือการดูดซึม
-
การปรับและการจัดระบบ
-
การเกิดความสมดุล
4.2
ทฤษฎีการพัฒนาทางสติปัญญาของบรุนเนอร์
4.2.1)โครงสร้างของความรู้ให้มีความสัมพันธ์และสอดคล้องกับพัฒนาการทางสติปัญญาของเด็ก
4.2.2)
การจัดหลักสูตรและการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับระดับความพร้อมของผู้เรียน
4.2.3)
การคิดแบบหยั่งรู้ เป็นการคิดหาเหตุผลอย่างมีอิสระ
4.2.4)
แรงจูงใจภายในเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ผู้เรียนประสบผลสำเร็จในการเรียนรู้
4.2.5)
ทฤษฎีพัฒนาการปัญญาของมนุษย์ แบ่งได้ 3
ขั้นตอน
-
ขั้นการเรียนรู้จากการกระทำ
-
ขั้นการเรียนรู้จากความคิด
-
ขั้นการเรียนรู้สัญลักษณ์และนามธรรม
4.2.6)
การเรียนรู้เกิดขึ้นได้จากการที่เราสามารถสร้างความคิดรวบยอด
4.2.7)
การเรียนรู้ที่ได้ผลดีที่สุด คือ
การให้ผู้เรียนค้นพบการเรียนรู้ด้วยตนเอง
5. ทฤษฎีการเรียนรู้อย่างมีความหมาย (A
Theory of Meaningful Verbal Learning) ของเดวิด ออซูเบล
เชื่อว่าการเรียนรู้จะมีความหมายแก่ผู้เรียน หากการเรียนรู้นั้นสามารถเชื่อมโยงกับสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่น่ารู้มาก่อน
http://www.kroobannok.com/1548 ได้รวบรวมถึงทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพุทธินิยม (Cognitivism)
ไว้ว่า ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1960
นักทฤษฎีการเรียนรู้เริ่มตระหนักว่า
การที่จะเข้าถึงการเรียนรู้ได้อย่างสมบูรณ์นั้น จะต้องผ่านการพิจารณา ไตร่ตรอง
การคิด (Thinking) เช่นเดียวกับพฤติกรรม
และควรเริ่มสร้างแนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ในทรรศนะของ
การเปลี่ยนแปลงกระบวนการคิด(Mental change) มากกว่าการเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรม
ดังนั้นจึงมี การเปลี่ยนกระบวนทัศน์จากความสนใจเกี่ยวกับสิ่งเร้ากับการตอบสนอง
กลุ่มพุทธิปัญญา
ให้ความสนใจเกี่ยวกับกระบวนการคิด การให้เหตุผลของผู้เรียน
ซึ่งแตกต่างจากทฤษฎีการเรียนรู้ของกลุ่มพฤติกรรมนิยม (Behaviorism)
ที่มุ่งเน้นพฤติกรรมที่สังเกตได้เท่านั้น
โดยมิได้สนใจกับกระบวนการคิดหรือกิจกรรมทางสติปัญญาของมนุษย์ (Mental
activities) ซึ่งเป็นสิ่งที่นักจิตวิทยากลุ่มพุทธิปัญญาตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องศึกษากระบวนการดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่สามารถสังเกตได้
โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ พุทธิปัญญา (Cognitive) เป็นการให้ความสำคัญในการศึกษาเกี่ยวกับ
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสิ่งเร้าภายนอก (ส่งผ่านโดยสื่อต่าง ๆ) กับสิ่งเร้าภายใน
ซึ่งได้แก่ ความรู้ความเข้าใจ หรือ กระบวนการรู้-คิด หรือ กระบวนการคิด (Cognitive
process) ที่ช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ ขอบเขตที่เกี่ยวข้องกับ
กระบวนการคิด (Cognitive process) ได้แก่
กระบวนการคิด (Cognitive Process) ความใส่ใจ (Attending) การรับรู้ (Perception)
การจำได้ (Remembering) การคิดอย่างมีเหตุผล (Reasoning) จินตนาการหรือการวาดภาพในใจ (Imagining)
การคาดการณ์ล่วงหน้าหรือการมีแผนการณ์รองรับ(Anticipating) การตัดสินใจ(Decision) การแก้ปัญหา (problem
solving) การจัดกลุ่มสิ่งต่างๆ (Classifying) การตีความหมาย
(Interpreting) ฯลฯ
นักจิตวิทยากลุ่มพุทธิปัญญานิยม (Cognitivism)
ทฤษฎีการเรียนรู้ตามแนวความรู้ความเข้าใจนี้จำแนกย่อยออกเป็นหลายทฤษฎีเช่นกัน
แต่ทฤษฎีซึ่งเป็นที่ยอมรับกันมากในระหว่างนักจิตวิทยาการเรียนรู้
และนำมาประยุกต์ใช้กันมากกับสถานการณ์การเรียนการสอน ตัวอย่างเช่น
-
ทฤษฎีพัฒนาการเชาว์ปัญญาของเพียเจต์ (Piaget)
-
ทฤษฎีการเรียนรู้โดยการค้นพบของบรูเนอร์ (Bruner)
-
ทฤษฎีการเรียนรู้อย่างมีความหมายของ ออซูเบล (Ausubel)
-
ทฤษฎีการประมวลสารสนเทศของคลอสไมเออร์ (Klausmeier)
-
ทฤษฎีความรู้เกี่ยวกับความคิดของตัวเอง ( Meta
Cognitive )
สรุป
ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพุทธินิยม
( Cognitivism) เน้นกระบวนการทางปัญญาหรือความคิด ซึ่งเป็นกระบวนการภายในของสมอง เกี่ยวกับกระบวนการคิด
การให้เหตุผลของผู้เรียน ซึ่งแตกต่างจากทฤษฎีการเรียนรู้ของกลุ่มพฤติกรรมนิยม (Behaviorism)
ที่มุ่งเน้นพฤติกรรมที่สังเกตได้เท่านั้น เป็นการให้ความสำคัญในการศึกษาเกี่ยวกับ
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสิ่งเร้าภายนอก (ส่งผ่านโดยสื่อต่าง ๆ) กับสิ่งเร้าภายใน
ซึ่งได้แก่ ความรู้ความเข้าใจ หรือ กระบวนการรู้-คิด หรือ กระบวนการคิด (Cognitive
process) ที่ช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ ขอบเขตที่เกี่ยวข้องกับ
กระบวนการคิด
ทฤษฏีในกลุ่มนี้ที่สำคัญๆ มี 5 ทฤษฏี
คือ
1.
ทฤษฎีเกสตัลท์(Gestalt
Theory)
2.
ทฤษฎีสนาม (Field
Theory)
3.
ทฤษฎีเครื่องหมาย (Sign
Theory) ของทอลแมน ( Tolman)
1.
ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญา(Intellectual
Development Theory)
-
ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของเพียเจต์
-
ทฤษฎีการพัฒนาทางสติปัญญาของบรุนเนอร์
5.
ทฤษฏีการเรียนรู้อย่างมีความหมาย(A
Theory of Meaningful Verbal Learning) ของออซูเบล(Ausubel)
ที่มา
สยุมพร
ศรีมุงคุณ.(2555).https://www.gotoknow.org/posts/341272. [ออนไลน์]. เข้าถึงเมื่อ
วันที่
24 กรกฎาคม 2561.
บริหารการศึกษา กลุ่มดอนทอง52.(2553).
http://dontong52.blogspot.com/. [ออนไลน์].
เข้าถึงเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2561.
http://www.kroobannok.com/1548. [ออนไลน์]. เข้าถึงเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2561.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น